Japanese destroyer Yudachi 夕立 (白露型駆逐艦)


เจ้าของฉายา "ฝันร้ายแห่งโซโลมอน"

เรือพิฆาตยูดาจิ (Japanese destroyer Yudachi)

ยูดาจิ "พายุฝนยามเย็น" ที่เป็นเรือพิฆาตลำดับที่4 จาก10 ลำของเรือพิฆาตในชั้นชิราสึยุ ของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น ตามแผนการขยายอาวุธยุทโธปกรณ์ในโครงการที่1

โดยเรือพิฆาตในชั้นชิราสึยุได้ถูกปรับปรุงเเละพัฒนามาจากเรือพิฆาตในชั้นฮัทสึฮารุ ที่ได้รับการออกแบบให้มาพร้อมพลังที่โดดเด่นด้วยความสามารถในการยิงจรวดตอร์ปิโดเข้าใส่เรือรบของศัตรูได้ทั้งกลางวันเเละกลางคืนในช่วงที่กองเรือของสหรัฐฯกำลังเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกตามเเผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือญี่ปุ่น ถึงอย่างไรก็ตามเรือพิฆาตในชั้นชิราสึยุที่ครั้งนึงเคยมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก เเต่ก็ไม่มีเรือพิฆาตลำใดในชั้นนี้ที่รอดชีวิตจากสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิกเลยซักลำ

ยูดาจิ ถูกต่อขึ้นที่ฐานทัพเรือซาเซโบะ โดยได้เริ่มวางกระดูกงูในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1934 เเละปล่อยเรือลงน้ำในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ.1936 และขึ้นระวางในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1937

ในช่วงระหว่างการเข้าโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ยูดาจิก็ได้เข้าร่วมกับกองเรือพิฆาตที่2 ร่วมกับ มุราซาเมะ ฮารุซาเมะ และ ซามิดาเระ ที่ได้ทำการตีฝ่าวงล้อม จากเขตมาโกะที่เป็นส่วนหนึ่งในยุทธนาวีที่ทะเลฟิลิปปินนับตั้งแต่เดือนมกราคม ค.ศ.1942 ในเวลาต่อมายูดาจิก็ได้มีส่วนร่วมในการเข้าโจมตีหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์รวมไปถึงการโจมตีที่ตารากัน บาลิก์ปาปัน และทางตะวันออกชวา โดยที่ในระหว่างการรบที่ชวายูดาจิได้ร่วมรบกับเรือพิฆาตเเละเรือลาดตระเวนลำอื่นๆที่กำลังเดินทางกลับมาที่อ่าวซูบิกของฟิลิปปินส์ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.1942 เเละต่อมายูดาจิได้มีส่วนร่วมในการตีฝ่าการปิดล้อมที่อ่าวมะนิลาและการโจมตีที่เมืองเซบู เพื่อกลับไปทำการซ่อมแซมในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ฐานทัพเรือโยโกสึกะ เเละในช่วงยุทธนาวีที่มิดเวย์ระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน ยูดาจิได้เป็นส่วนหนึ่งในกองเรือที่มิดเวย์ ภายใต้การบังคับบัญชาของพลเรือเอก โนบุทาเกะ คอนโด

นับตั้งแต่ช่วงกลางๆเดือนมิถุนายน ค.ศ.1942 ยูดาจิได้ร่วมในขบวนเรือจากคุเระที่เดินทางผ่านไปยังสิงคโปร์และมะริดในปฎิบัติการจู่โจมเเบบเฉียบพลันในมหาสมุทรอินเดีย แต่เเผนการนี้ถูกยกเลิกไปเนื่องมาจากการที่กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นประสบปัญหาในเเนวรบทางด้านหมู่เกาะโซโลม่อน ยูดาจิจึงได้เดินทางมาถึงที่เกาะฌอทแลนด์ในวันที่ 30 สิงหาคม และได้รับมอบหมายภารกิจ "โตเกียว เอ็กซ์เพรส" ในทันทีด้วยการทำหน้าที่ขนส่งยุทธภัณฑ์ด้วยความเร็วสูงไปยังกวาดัลคะแนล ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 4-5 กันยายนที่อยู่ในระหว่างภารกิจดังกล่าว ยูดาจิก็ได้ทำการจมเรือพิฆาต ยูเอสเอส เกรกอรี่ (ดีดี-82) และเรือพิฆาต ยูเอสเอส ลิตเติ้ล (ดีดี-79) ของกองทัพเรือสหรัฐฯไปถึง 2 ลำ เเละยูดาจิยังคงทำภารกิจที่กวาดัลคะแนลจนถึงเดือนพฤศจิกายน จนกระทั่งได้มามีส่วนร่วมในยุทธนาวีที่หมู่เกาะซานตาครูซเเค่ช่วงเวลาสั้นๆเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมภายใต้การบังคับบัญชาของพลเรือเอก ทาเคโอะ คุริตะ

ท้ายที่สุดในคืนระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ค.ศ.1942 ในช่วงเริ่มต้นของยุทธนาวีที่กวาดัลคะแนล ยูดาจิภายใต้การบังคับบัญชาของพลเรือตรี อาเบะ ฮิโรอากิ ได้นำเรือเปิดฉากเข้าต่อสู้ โดยยูดาจิได้พยายามหักเลี้ยวไปมาเพื่อหลบหลีกเหล่าบรรดาเรือรบของสหรัฐฯรวมถึงเหล่าจรวดตอร์ปิโดที่ถูกปล่อยมาจากเรือลาดตระเวนหนัก ยูเอสเอส พอร์ตแลนด์ (ซีเอ-33) ซึ่งหลังจากยูดาจิถูกโจมตีอย่างหนักจากทั้งเรือพิฆาตเเละเรือลาดตระเวนของสหรัฐฯจนกระทั้งเรือเสียการควบคุม โดยที่เหล่าบรรดาลูกเรือของยูดาจิกว่า 207 นายที่รอดชีวิตก็ได้รับความช่วยเหลือจากเรือพิฆาตซามิดาเระพร้อมกับการยิงจรวดตอร์ปิโดเข้าใส่ยูดาจิเพื่อทำการบังคับจมเเต่ไม่สำเร็จ ซึ่งในเวลาต่อมาซากของยูดาจิที่ถูกทิ้งร้างก็ถูกระดมยิงจากเรือลาดตระเวนหนัก ยูเอสเอส พอร์ตแลนด์ (ซีเอ-33) จนกระทั่งจมลงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะซาโว

ลักษณะเฉพาะ
ระวางขับน้ำ: 1,712 ตัน
ความยาว: 103.5 เมตร
ความกว้าง: 9.9 เมตร
กินน้ำลึก: 3.5 เมตร
เครื่องยนต์: 42,000 แรงม้า หม้อน้ำเเบบคัมปง 3 หม้อ 2 เพลา
ความเร็ว: 34 นอต
ระยะทางเชื้อเพลิง: 4,000 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 18 นอต
อัตราเต็มที่: 226 นาย
ยุทโธปกรณ์:
หมู่ปืนหลักเเบบไทป์3 ขนาด 12.7 ซม. เเบบเเท่นคู่ 2 เเท่น เเท่นเดี่ยว 1 เเท่น
ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 13 มม. 2 กระบอก
ตอร์ปิโดขนาด 24 นิ้ว 8 ท่อ
ระเบิดน้ำลึก 16 ลูก

ขอขอบคุณบทความจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_destroyer_Yūdachi_%281936%29

เป็นภาพของเรือพิฆาตยูดาจิ ในขณะทำการเเล่นทดสอบ ที่บริเวณฐานทัพเรือซาเซโบะ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ.1936

ภาพขาวดำต้นฉบับที่ทางเพจนำมาลงสีจาก: http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/8/8e/Yudachi_II.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น